พลังงานสะอาดกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน AI ระหว่างสหรัฐและจีน

การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วในทั่วโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน กำลังเผชิญกับข้อจำกัดด้านพลังงานอย่างจริงจัง นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาด จะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะสามารถครองความเป็นผู้นำในเทคโนโลยี AI ได้ในอนาคต

AI โดยเฉพาะโมเดลขนาดใหญ่ที่ต้องการการประมวลผลสูง อาศัยดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งเปลืองพลังงานมหาศาล ตัวอย่างเช่น ระบบ AI อย่าง ChatGPT ใช้พลังงานมากเท่ากับบ้านเรือนหลายหมื่นหลังในการเทรนแต่ละครั้ง ทำให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในสหรัฐและจีน ต่างต้องเร่งหาวิธีสร้างแหล่งพลังงานที่เพียงพอและยั่งยืน

ขณะที่จีนยังคงเดินหน้าสร้างเหมืองถ่านหินและแหล่งพลังงานฟอสซิลใหม่ๆ สหรัฐอเมริกากลับพยายามลงทุนในพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ วินด์ และพลังงานนิวเคลียร์ เพราะตระหนักว่าประสิทธิภาพและความยั่งยืนของ AI ในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน

บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ในสหรัฐอเมริกา อาทิ Microsoft, Google, Amazon กำลังเร่งผลักดันการลงทุนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน โดย Google ระบุว่าตนมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานสะอาด 100% ตลอด 24 ชั่วโมงภายในปี 2030 ขณะที่ Microsoft มีแผนลดปริมาณคาร์บอนอย่างจริงจัง

นักวิเคราะห์มองว่า การแข่งขันด้าน AI ในอนาคตไม่ใช่แค่เรื่องของสมองกล ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่ประเทศหรือภูมิภาคที่สามารถจัดหาพลังงานราคาถูกและมีความเสถียร โดยเฉพาะพลังงานสะอาด จะได้เปรียบมหาศาลในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ไปสู่ระดับใหม่

นอกจากนี้ ความต้องการพลังงานที่สูงของ AI ยังอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนในโครงข่ายไฟฟ้า และพลังงานประเภทใหม่ๆ โดยเฉพาะในเขตที่มีการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์หลักๆ ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจไปในตัว

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่วางแผนเรื่องพลังงานให้สอดคล้องกับการเติบโตของ AI ความเสี่ยงด้านพลังงานไม่เพียงกระทบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังทำให้เป้าหมายในการครองความเป็นผู้นำด้าน AI ของแต่ละประเทศกลายเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้จริง

ที่มา https://www.ft.com/content/13746dac-7df8-4b4f-9f25-0822e9abdcbc

เผยแพร่เมื่อ: 27 เมษายน 2568 เวลา 13:30 น. หมวดหมู่: หุ่นยนต์-เอไอ จำนวนผู้เยี่ยมชม: 7